คุณวรวีย์ คุณไม่ต้องยกมือไหว้ผม (แฟนฟุตบอลไทยควรอ่าน)

8/30/14
http://pantip.com/topic/32512812 เมื่อ 29 ส.ค.2557

คุณวรวีย์ คุณไม่ต้องยกมือไหว้ผม (แฟนฟุตบอลไทยควรอ่าน)

กระทู้สนทนา

ฟุตบอลฟุตบอลไทยวรวีร์ มะกูดี

กระทู้นี้เกิดขึ้นจากผมมีโอกาสได้ดูรายการ “แชมป์ จัดไป” ซึ่งได้เชิญ คุณ วรวีย์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย มาเป็นแขกรับเชิญในการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกรณีต่างๆที่เกิดขึ้นกับฟุตบอลไทยในขณะนี้ ความยาวประมาณ 20 นาที ซึ่งออกอากาศไปหลายวันแล้ว แต่ผม ไม่ได้ดูเพราะส่วนนึงไม่ชอบเสียงพูดและท่าทางของท่าน รวมไปถึงทนฟังคำพูดอวยตัวเองของท่านไม่ค่อยไหว เลยเพิ่งมีโอกาสได้ดูเมื่อคืนเพราะไม่มีอะไรทำ ฟังท่านพูดไปจนเกือบจะจบรายการก็เป็นไปอย่างที่ผมคิดไว้ทุกอย่างในทุกกรณีที่เกิดขึ้นกับฟุตบอลไทย ผลก็คือ หาซึ่งมีสาระไม่ อวยตัวเอง ตอบไม่ค่อยจะตรงคำถาม แต่ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่คำตอบ 1 ประโยคที่ทำให้ผมอึ้งไปเลย 0_0 !! ว่านี้คือคำพูดจากนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยและควบตำแหน่งสมาชิกผู้บริหาร fifa ประโยคนั้นก็คือ

วรวีย์ : ผมจะเอาสถิติออกมากางให้ดูว่า เราเคยไปอุ่นเครื่องชนะจีน เราเสมอกับคูเวตเมื่อเร็วๆนี้ อะไรต่างๆ แต่เอ๊!! ตำแหน่งเราลดลงไปเรื่อยๆผมก็ไม่รู้มันเป็นเพราะอะไร

ฟังจบรู้สึกจี๊ดสมองขึ้นเลย ว่าที่ผ่านมาท่านเป็นถึงบอร์ดฟีฟ่า ท่านไม่รู้ระบบการคิดคะแนน Ranking fifa หรอว่ะ เลยคิดว่าวันนี้ผมต้องมาสอนหลักการให้คะแนนของ fifa ให้กับบอร์ดผู้บริหาร fifa อ่านซะหน่อย (งงไหมครับ ผมก็งง) รวมไปถึงแนวทางการพัฒนา Ranking fifa ของทีมชาติไทยด้วยครับ เกริ่นมาเยอะและเริ่มกันเลยดีกว่า

เริ่มต้นที่หลักการให้คะแนนของฟีฟ่าก่อนครับ หากใครเข้าใจอย่างละเอียดแล้วข้ามไปที่แนวทางการพัฒนาอันดับฟีฟ่าของทีมชาติไทยได้เลยครับ ยาวหน่อยครับส่วนนี้แต่คิดว่าละเอียดยิบเลยครับ ใครอยากเข้าใจลองอ่านดูเลยครับ

สูตรของหลักการดังกล่าว คือ M x I x T x C

1. M = ผลการแข่งขันเหมือนกันทั่วโลก 

ก็คือ ชนะได้ 3 คะแนน เสมอได้ 1 คะแนน และแพ้ไม่ได้คะแนน

2. I = ระดับรายการแข่งขัน

- อุ่นเครื่องได้ 1 คะแนน

- ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกและฟุตบอลชิงแชมป์ทวีปรอบคัดเลือก ได้ 2.5 คะแนน

- ฟุตบอลคอนเฟดและฟุตบอลชิงแชมป์ทวีป ได้ 3 คะแนน

- ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 4 คะแนน

3. T = ความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้

สูตร คือ (200 – อันดับโลก + 1) ก็จะได้ผลดังนี้

อันดับ 1 ของโลก 200 คะแนน

อันดับ 2 ของโลก 199 คะแนน

อันดับ 3 ของโลก 198 คะแนน

เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนถึงอันดับตั้งแต่ 151 ลงไปคิดเป็น 50 คะแนนเท่ากันทุกทีม (ถึงตรงนี้แวะไปดูดีกว่าไทยเราอยู่อันดับที่เท่าไหร่ของโลกกันนะ ห่ะ!! 157 ของโลก คะแนนความแข็งแกร่งของฟุตบอลทีมชาติไทยเท่ากับ 50 น้อยที่สุดในโลก น้ำตาจะไหล!!)

4. C = ความแข็งแกร่งของภูมิภาค

อเมริกาใต้ 1

ยุโรป 0.99

ทวีปที่เหลือรวมทั้งเอเชียด้วย 0.85

*หากทั้ง 2 ทีม ไม่ได้มาจากทวีปเดียวกัน ให้นำคะแนนของทั้ง 2 ทวีปบวกกันแล้วหารด้วย 2
วิธีการคิดขอทำให้ดูเป็นตัวอย่างนะครับ เพื่อความเข้าใจง่าย (สมมุติแมตช์การแข่งขันและผลการแข่งขันนะครับ)

*คู่แรก* ไทย ชนะ เวียดนามในแมตอุ่นเครื่อง (เวียดนามอันดับ 139) ได้คะแนนดังนี้

(ชนะได้ 3 คะแนน) x (อุ่นเครื่องได้ 1 คะแนน) x (คะแนนความแข็งแกร่งเวียดนาม 200 -139 +1 = 62) x (คะแนนความแข่งแกร่งทวีป 0.85) = คะแนนที่ได้รับจากแมตช์นี้

3 x 1 x 62 x 0.85 = 158 คะแนน

*คู่สอง* ไทย เสมอ เลบานอน ในแมตช์ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก (เลบานอนอันดับ 115) ได้คะแนนดังนี้

(เสมอได้ 1 คะแนน) x (ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ได้ 2.5 คะแนน) x (คะแนนความแข็งแกร่งเลบานอน 200 –115 +1 = 86) x (คะแนนความแข่งแกร่งทวีป 0.85) = คะแนนที่ได้รับจากแมตช์นี้

1 x 2.5 x 86 x 0.85 = 182 คะแนน (หากชนะจะได้สูงถึง 548 คะแนน)

*คู่สาม* ไทย เสมอ จีน ในแมตช์เอเชี่ยนคัพรอบสุดท้าย (จีนอันดับ 97) ได้คะแนนดังนี้

(เสมอได้ 1 คะแนน) x (เอเชี่ยนคัพรอบสุดท้ายได้ 3 คะแนน) x (คะแนนความแข็งแกร่งจีน 200 – 97 +1 =104) x (คะแนนความแข่งแกร่งทวีป 0.85) = คะแนนที่ได้รับจากแมตช์นี้

1 x 3 x 104 x 0.85 = 265 คะแนน (หากชนะจะได้สูงถึง 795 คะแนน โอ้โห!!)

*สุดท้ายนำทุกคะแนนที่ได้แต่ละแมตช์ในรอบปี มาบวกกัน และหารด้วยจำนวนแมตช์ที่ลงเตะทั้งปี เป็นคะแนนรายปี รวมนัดที่แพ้ด้วยนะครับถ้าหากว่ามี

ดังตัวอย่างก็ 185 + 182 + 265 /3 = 210 คะแนน นี่คือคะแนนรายปี

โดยทุกคะแนนจะมีผล 4 ปี ย้อนหลัง ในสัดส่วนดังนี้

คะแนนรายปี สมมุติปีนี้คือ 2557 คิดให้ 100% = สมมุติเราได้ 210 ก็จะได้ 210 คะแนน

คะแนนรายปี 2556 คิดให้ 50% = สมมุติเราได้ 200 คะแนน ก็จะได้ 100 คะแนน

คะแนนรายปี 2555 คิดให้ 30% = สมมุติเราได้ 200 คะแนน ก็จะได้ 60 คะแนน

คะแนนรายปี 2554 คิดให้ 20% = สมมุติเราได้ 200 คะแนน ก็จะได้ 40 คะแนน

สรุปคะแนน Ranking Fifa ของทีมชาติไทย = 410 คะแนน ซึ่งผมมองว่า 200 คะแนนต่อปีไม่ได้ยากอะไรเลยครับ ถ้าสมาคมตั้งใจทำงานกันจริงๆจังๆ

ลองเอาผลคะแนนไปเปรียบเทียบอันดับโลกล่าสุดดีกว่า ถ้าได้ 410 คะแนน ไทยจะอยู่ที่เท่าไหร่น้า โอ้โหแม่เจ้าแทบกระพริบตาสัก 3 ครั้งครึ่ง!!!!! ไม่เชื่อสายตาตัวเอง พี่ไทยจะอยู่อันดับที่ 75 ของโลก อันดับ 8 ของเอเชียสูงกว่าออสเตรเลีย ที่เพิ่งไปบอลโลกมาครั้งล่าสุด Wooooow !!! เห็นไหมล่ะครับว่า TOP 10 เอเชียไม่ใช่เรื่องยาก

***จบเรื่องหลักการคิดคะแนนแล้วนะครับ***

ส่วนต่อไปผมอยากจะแนะนำแนวทางการพัฒนาคะแนน Ranking Fifa ของทีมชาติไทยแบบที่มีทางเป็นไปได้นะครับ

ในรอบปีเราจะมีแมตช์การแข่งขัน ในรายการระดับความสำคัญ 2.5 แน่นอน ได้แก่ บอลโลกรอบคัดเลือก คัดเลือกเอเชียนคัพ หรือแม้กระทั่งอาเซียนคัพ ฟีฟ่าก็รับรองให้เป็นรายการระดับทวีป หากผลงานดีได้เข้าเอเชียนคัพรอบสุดท้ายก็เป็นรายการระดับความสำคัญ คูณ 3 เลยทีเดียว สำคัญมากนะครับ 3-4 รายการนี้ เพราะคือ ตัวแปรคะแนนที่สำคัญ อย่างน้อยนัดที่เตะในบ้านไม่ควรแพ้ รายการเหล่านี้วัดประสิทธิภาพทีมที่แท้จริง


แต่ที่ผมเสนอที่แท้จริงคือ การพัฒนาคะแนนด้วยแมตช์อุ่นเครื่องครับ ทำได้ง่ายมากๆ

เพียงแค่เราต้องมีแมตช์อุ่นเครื่องสม่ำเสมอ โดยควรจะเลือกที่เป็นเจ้าบ้านเพื่อความได้เปรียบ เชิญทีมที่แข่งด้วยที่มีอันดับในแรงกิ้งที่สูงกว่าเรา ผมเชื่อว่าสมาคมคงมีฝ่ายวิเคราะห์ทีมคู่แข่งอยู่แล้ว (หรือไม่มีหว่า) ทำการวิเคราะห์ว่าทีมไหนมาเตะกับทีมชาติไทยที่ประเทศไทย เค้าเป็นรองเราแน่นอน อย่างน้อยโอกาสแพ้ก็น้อย ซึ่งวิเคราะห์ตอนนี้ทีมที่น่าสนใจ คือ ปาเลสไตน์ อันดับ 88 ของโลก อันดับ 10 ของเอเชียสูงกว่าการ์ตา จีน บาห์เรนซะอีก ที่คะแนนเค้าเยอะไม่ใช่ว่าเก่งจริงซักเท่าไหร่หรอกครับ อันนี้ผมไม่ได้ดูถูกเขานะครับ น่าจะพอๆกับไทย แต่หากมาเตะที่ไทยเขาเป็นรองเราแน่นอน แต่ที่เห็นคะแนนเยอะ เพราะเขาเพิ่งได้แชมป์ AFC Challenge Cup 2014 มาหมาดๆซึ่งเป็นรายการความสำคัญระดับทวีป คะแนนรายการคูณ 2.5 นั่นเอง ทำให้ได้คะแนนค่อนข้างเยอะ ซึ่งทีมที่แข่งรายการนั้นก็ไม่ได้แข็งแกร่งกว่าไทยเลย ทั้ง มัลดีฟ ลาว เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ อัฟกานิสถาน เป็นต้น หน้าที่สมาคมคือ วิเคราะห์หาทีมเหล่านี้ พูดภาษาชาวบ้านก็คือ หาทีมที่คิดว่าเค้าอ่อนกว่าเรา แล้วเชิญเขามาเตะในบ้านเรา

สมมุติ ปาเลสไตน์ มาแข่งกะเราแล้วแพ้ทีมชาติไทยของเรา ณ วันนี้ ผลคะแนนที่ได้คือ

3 x 1 x 112 x 0.85 = 285 คะแนนเลยนะ
แต่หันมาดูปัจจุบัน สิ่งที่สมาคมทำคือทั้งปี อุ่นเครื่องอย่างเป็นทางการนัดเดียวเปิดบ้านเสมอกับคูเวต เกือบแพ้ด้วยซ้ำเพราะดันไปเอาชุดเอเชี่ยนเกมส์เตะกับเขา ไม่ใช่ชุดใหญ่ ต่อจากนี้แมตช์อุ่นเครื่องอย่างเป็นทางการของ Fifa ต้องเอาชุดใหญ่เล่น และห้ามเปลี่ยนตัวเกิน 6 คน ตามที่ Fifa กำหนดอันนี้ห้ามลืม ไม่อยากจะเชื่อว่าทั้งปีทีมชาติไทยของเรามีคะแนนรายปีอยู่ที่ 15 คะแนน ย้ำ!! ทั้งปีมี 15 คะแนน แล้วเดี๋ยวมีอุ่นกะทีมชาติจีนอีก อย่าคิดว่าเขาจะแพ้เราเหมือนเดิมซิครับ หากเกิดเราแพ้ขึ้นมา เหลือ 10 คะแนนแน่ๆปีนี้ เวนกรรมจริงๆ TT

แต่ท่านยังเหลือความหวังสุดท้ายในปีนี้นะครับ นั่นคือ ซูซูกิ คัพ นั่นเอง รายการคูณ 2.5 นะครับ ถ้าได้แชมป์เชื่อว่ากลับไปอยู่ใน Top 20 เอเชียแน่นอนครับ ส่วนความพร้อมล่าสุดของทีมชาติชุดนี้ก็ เอิ่มมม… ยังไม่มีโค้ชเลยนะครับ เห้อออออออ

หลายคนอาจบอกว่าอันดับดีจะมีประโยชน์อะไร ถ้าพื้นฐานที่แท้จริงเราไม่เก่งแต่คะแนนสูงเท่านั้น ผมบอกไว้เลยว่ามีประโยชน์แน่นอนครับ เพราะมีผลกับการจัดโถ ในรายการต่างๆ ไม่ได้อยู่โถสุดท้าย นั่นหมายความว่า ในกลุ่มมันก็มีทีมมาตรฐานน้อยกว่าเราแหละครับ ถ้าติดท็อป 10 เอเชีย อย่างรายการคัดเลือกเอเชียนคัพ อยู่โถ 1 ไม่ก็ โถ 2 แน่นอนครับ โอกาสเจอพวก เยเมน ซีเรีย โอมาน ฮ่องกง หรือชาติในอาเซียน อย่างน้อย 2 ทีม จริงอยู่ว่ามันก็ไม่ชัวร์ว่าจะเบียดพวกนี้เข้ารอบได้ แต่ดีกว่าอยู่โถท้ายๆ แล้วเจอพวก ญี่ปุ่น เกาหลี อึหร่าน ออส อุซเบ หรือชาติในตะวันออกกลาง เป็นไหนๆนะครับ อย่างน้อยโอกาสเข้ารอบสุดท้ายก็ง่ายกว่าเดิมเป็นไหนๆ หรือจะเป็นในแง่ของจิตวิทยา ทีมอื่นในเอเชียเตะกับเราเขาก็จะเกรงๆไม่กล้าบุกใส่เรามาก เพราะอันดับเราสูง เค้าก็ต้องกล้าๆกลัวๆที่จะบุกใส่ไทย ไม่ใช่ทุกวันนี้ ที่เขาคิดว่าเจอกับทีมอันดับ 30 ของเอเชีย เขาก็โหมบุกเราแหลกล่ะครับ เพราะคิดว่าเราคงอ่อนน่าดู

เพราะฉะนั้นเริ่มวันนี้อีก 4 ปี เราก็น่าจะไปถึง Top 10 เอเชียได้ ถึงวันนั้นแฟนบอลไทยอาจจะยอมรับในตัวท่าน(วรวีย์ มะกูดี)มากกว่าที่เป็นอยู่นี่ก็ได้ แฟนบอลไทยก็มีสมองนะครับไม่ใช่ว่าไม่ได้ไปบอลโลกแล้วออกมาไล่ท่าน ที่ไล่ท่านไม่ใช่ท่านพาทีมชาติไทยไปบอลโลกไม่ได้แต่ท่านกลับไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงที่จะพาบอลไทยไปบอลโลกจริงๆต่างหาก

ขอนะครับท่านทำตามที่แนวทางนี้ซักตั้งนึง ผลงานท่านจะดีกว่านี้แน่นอน ซีเกมส์ เอเชี่ยนเกมส์ Fifa ไม่ได้รับรองนะครับ ต่อให้ได้แชมป์ทีมชาติก็ไม่ได้ซักคะแนนอยู่ดี เราถึงเห็นชาติมหาอำนาจอย่างญี่ปุ่น เกาหลี เขาส่งเด็กอายุไม่ถึง 21 ไปเตะเป็นประจำแหละครับ

***สุดท้าย ผมจำคำพูดนึงก่อนจบรายการแชมป์จัดไป ของท่านได้ ท่านพูดว่า

วรวีย์ : ถ้าผมทำไรผิด น่าจะมาบอกผมว่า เห้ย คุณทำอย่างนี้ผิดนะ คุณต้องแก้ไข ผมบอกให้คุณทำ 1 2 3 อันเนี่ยคือแก้ไข อันนี้คือการช่วยกัน อย่างคุณแชมป์มาบอกผมว่าพี่วรวีย์ พี่ทำอย่างนี้ผิดแล้ว พี่ทำอย่างนี้ๆดิถูก แล้วพี่จะประสบความสำเร็จ แล้วผมจะยกมือไหว้คุณแชมป์เลย

วันนี้ผมลองเสนอแนวทางดูแล้ว ถ้าท่านทำได้ตามที่ผมว่ามาทั้งหมด ท่านประสบความสำเร็จแน่นอน แล้วท่านไม่ต้องมายกมือไหว้ผม ผมเองที่จะเป็นคนยกมือไหว้ท่าน ที่ท่านทำเพื่อฟุตบอลไทยที่ผมรัก
Read more ...

คริสเอฟซี แม่ริม จ.เชียงใหม่

8/25/14
โดยไทยแลนด์สู้สู้ เมื่อ 26 ส.ค.2557

ทราบหรือไม่ครับ ว่าตอนนี้นักเตะคริสเอฟซี แม่ริม จ.เชียงใหม่บางคน ถูกดึงมาอยู่กับบุรีรัมย์พีอีเอ ฝึกฝนอยู่กับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อะคาเดมี่ อยู่สองปีแล้ว และ

อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ 

หลานชายของ

ลุงเปา นายอนันต์ เลิศอมรศักดิ์

หนึ่งในสมาชิกเมสซี่น้อย ณ แม่ริม คริสต์เอฟซี ได้ลงสนาม 11 คนแรกให้ทีมชุดใหญ่ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นัดเสมอกับ อาร์มี่ ยูไนเต็ด 1-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาไปแล้ว ด้วยวัยเพียงแค่ 16 ปี 8 เดือนเท่านั้น โดยมีพี่น้องที่คลานตามกันมา

อมร อมรเลิศศักดิ์ 

อีกคนที่เล่นอยู่กับทีมสุรินทร์ ซิตี้ ที่ทั้งสองคนเคยคว้าแชมป์โค๊กคัพกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มาด้วยกันเมื่อปีที่แล้วด้วย
 
Read more ...

"เคซี-15"ผงาดแชมป์ช้าง-เอฟเวอร์ตันจูเนียร์คัพ ลูกครึ่งอังกฤษซิวMVP

8/10/14
 
โดยโกล.คอม เมื่อ 15 ก.ค. 2014 18:58:21

เคซี-15 เฉือนเอาชนะ กรุงเทพคริสเตียน 2-1 คว้าแชมป์ "ช้าง-เอฟเวอร์ตัน จูเนียร์ คัพ 2014" โดย ทอมมี่ สตีเว่นส์ แข้งลูกครึ่งไทย-อังกฤษผู้เหมาสองประตูซิว MVP ไปครอง

การแข่งขันฟุตบอลเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี "ช้าง-เอฟเวอร์ตัน จูเนียร์ คัพ 2014"ที่สนามกีฬากองทัพบก รอบชิงชนะเลิศ "ชงโคม่วงทอง" กรุงเทพคริสเตียน พบ เคซี-15

กรุงเทพคริสเตียน ผ่านด่าน อัสสัมชัญ ศรีราชา มาด้วยสกอร์ 2-1 ในรอบรองชนะเลิศ ส่วน เคซี-15 ในฐานะชุดทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี เอาชนะ อัสสัมชัญ ธนบุรี รองแชมป์เก่ารายการนี้มา 2-1 เช่นกัน

โดยเกมนี้ เคซี-15 ออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อได้ ทอมมี่ สตีเว่นส์ แข้งจิ๋วลูกครึ่งไทย-อังกฤษ เหมาคนเดียว 2 ประตู ในนาทีที่ 3 และ 27 นำไปก่อน 2-0 ในครึ่งเวลาแรก ก่อนที่ในครึ่งหลัง กรุงเทพคริสเตียนจะมาตามตีไข่แตกจาก รักษ์ ลัดดาพันธ์ กัปตันทีมแต่ก็ไล่ไม่ทัน จบเกม เคซี-15 ผงาดคว้าแชมป์ ช้าง-เอฟเวอร์ตัน จูเนียร์ คัพ 2014

สำหรับทีม เคซี-15 ได้รางวัล 50,000 หมื่นบาทและถ้วยรางวัล พร้อมสิทธิ์ในฐานะแชมป์"ช้าง-เอฟเวอร์ตัน จูเนียร์ คัพ 2014" ไปฝึกซ้อมที่ฟินซ์ฟาร์มของ เอฟเวอร์ตัน อคาเดมี รวมทั้งลงลับแข้งกับทีมเยาวชนของสโมสรต่างๆในอังกฤษ

ส่วน กรุงเทพคริสเตียน รองแชมป์ได้เงินรางวัล 30,000บาท และ อัสสัมชัญ ธนบุรี อันดับ 3 ได้เงินรางวัล 20,000 หมื่นบาท ขณะที่ อัสสัมชัญ ศรีราชา อันดับ 4 ได้เงินรางวัล 10,000 บาท

นอกจากนี้ ช้าง-เอฟเวอร์ตัน ยังได้คัดเลือกนักเตะยอดเยี่ยมในแต่ละตำแหน่ง ประกอบด้วย ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม สหรัถ น้ำทอง (อัสสัมชัญ ธนบุรี) กองหลังยอดเยี่ยม กรกฏ อุตพันธ์ (เคซี-15) ,กองกลาง เจษฎา นาคาชล (อัสสัมชัญ ศรีราชา)

ส่วนรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของทัวร์นาเม้นท์ (MVP) เป็นของ ทอมมี่ สตีเว่นส์ ดาวเตะลูกครึ่งไทย-อังกฤษของ เคซี15 และ แกรม ชาร์ป ตำนานนักเตะของเอฟเวอร์ตันยังได้เลือกนักเตะ 1 คนเพื่อเดินทางไปอังกฤษกับทีมชนะเลิศโดยเป็น วรากร เขตสมุทร (อัสสัมชัญศรีราชา) ที่ได้ไป
Read more ...

NIKE เซ็นสัญญา 2 ดาวรุ่ง ชลบุรี อะคาเดมี่ เป็นพรีเซ็นเตอร์

8/10/14
Chonburi Football Club

8 กุมภาพันธ์ 2013

ไนกี้ จรดปากกา 2 แข้งดาวรุ่ง ชลบุรี เอฟซี อะคาเดมี่ เป็นพรีเซ็นเตอร์ ยาว 4 ปีเต็ม ด้าน “เจ้าเฟรม” พัทธดนย์ เที่ยงวงศ์ สร้างสถิติ เป็นนักเตะพรีเซ็นเตอร์ อายุน้อยที่สุดในเมืองไทย

บริษัท ไนกี้ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านนวัตกรรมกีฬาระดับโลก และผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของ สโมสร ชลบุรี เอฟซี มอบโอกาสเซ็นสัญญา

“เจ้ายิม” วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ วัย 15 ปี และ 

“เจ้าเฟรม” พัทธดนย์ เที่ยงวงศ์ วัย 12 ปี 

สองแข้งดาวรุ่งจากทีม ชลบุรี เอฟซี อะคาเดมี่ ให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ ด้วยระยะเวลายาว 4 ปีเต็ม ด้วยมูลค่ากว่า 7 หลัก ในสัญญาฉบับแรก

จากการเซ็นสัญญาดังกล่าว ยังทำให้ “เจ้าเฟรม” พัทธดนย์ เที่ยงวงศ์ กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในเมืองไทยที่ได้รับการเซ็นสัญญาเป็นพรี เซ็นเตอร์ ของ บ.ไนกี้ ทำลายสถิติของ “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย นักเตะทีมชาติไทย และ สโมสร บางกอกกล๊าส เอฟซี ที่เคยได้รับการเซ็นสัญญา กับ บริษัท ไนกี้ ด้วยวัย 14 ปี อีกด้วย

โดยภายหลังจากการเซ็นสัญญาเสร็จสิ้นลง “เจ้ายิม” วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ได้ให้สัมภาษณ์ ผ่านทีมข่าว chonburifootballclub.com ถึงความรู้สึกส่วนตัวว่า

“รู้สึกดีใจมากครับ ที่ บ. ไนกี้ มอบโอกาสและให้การสนับสนุน มอบอุปกรณ์กีฬา เสื้อผ้า และ รองเท้าต่างๆ ให้กับผม ได้ใช้ในการลงทำการแข่งขันและทำการฝึกซ้อม ซึ่งผมก็จะขอตอบแทนกับโอกาสที่ได้รับด้วยการ ตั้งใจฝึกซ้อม พยายามทำผลงานของตัวเองออกมาให้ดีที่สุด ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะกำลังสำคัญของ ทีม ชลบุรี เอฟซี และ ทีมชาติไทยในอนาคตครับ”

ขณะที่ “เจ้าเฟรม” พัทธดนย์ เที่ยงวงศ์ กล่าว “ผมขอขอบคุณ บ. ไนกี้ ที่สนับสนุน ทั้งเสื้อผ้าและร้องเท้า พร้อมมอบอุปกรณ์กีฬาดีๆให้กับผม ซึ่งตัวผมเองก็จะพยายามตั้งใจพัฒนาการเล่นฟุตบอลของผมให้ดีกว่าเดิม เพื่อเป็นการตอบแทน นอกจากนี้ผมก็ยังวางเป้าหมายในอนาคตเอาไว้ว่า ผมจะเป็นนักเตะที่ดี ติดทีม ชลบุรี เอฟซี ชุดใหญ่ และทีมชาติไทยให้ได้ครับ”

ที่มา http://www.chonburifootballclub.com
Read more ...