มาตรฐานเกาหลี

2/27/16
ความคิดเห็นเกี่ยวกับฟุตบอลเกาหลี ญี่ปุ่น

http://www.thailandsusu.com/webboard/index.php?topic=367913.msg7071454;topicseen#top

ถ้าพูดถึงมาตรฐานด้านฝีเท้า เคลีกแกร่งกว่าเจลีก ซะอีกนะครับ
จากที่เคยดูมาทั้ง 2 ลีก 2 ลีกนี้รูปแบบการเล่นต่างกันโดยสิ้นเชิง
เจลีกจะเน้นบอลแท็คติดซะเยอะ เน้นชัวร์ไม่ค่อยพลิกแพลงมากนัก
ส่วนเคลีกจังหวะบอลค่อนข้างเร็ว เพรสซิ่งเป็นระบบและโหดด้วย

แต่สิ่งที่ทั้ง 2 ลีกนี้มีเหมือนกันคือ จังหวะเข้าทำในพื้นที่สุดท้าย
ประสิทธิภาพค่อนข้างสูง จะทำกันรวดเร็วมากเวลาอยู่ในกรอบเขตโทษ
ของคู่แข่ง ถ้าเผลอมีช่องว่างนิดเดียวโดนลงโทษทันที เรายังต้อง
พัฒนาอีกเยอะเลย ถ้าคิดจะไปเทียบเท่าเขา
Read more ...

ปัจจัยที่จะสู้กับเกาหลี ญี่ปุ่น

2/1/16
- แทคติค
- ร่างกาย
- สภาพจิตใจ
- เทคนิคการเล่น
- ความสามารถของโค้ช
- ความกระตือรือร้นในการจะเป็นเจ้าเอเชียรของผู้เล่น

Read more ...

ระบบฟุตบอลลีคของ เกาหลี

2/1/16
ระบบฟุตบอลลีคของ เกาหลี ก่อนนะครับ เค้าจะแบ่งเป็น Division ดังนี้

- K League Classic
- K League Challenge
- Korea National League
- K3 League ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม เอา 3 ทีมมาเล่นรอบ Championship Playoff
- นอกนั้นจะเป็นทีมสมัครเล่นทั่วไป
- ส่วนในระบบมหาวิทยาลัย ก็จะมีลีคที่ชื่อว่า University League
Read more ...

การเคลื่อนที่เวลาไม่มีบอล

2/1/16
สิ่งที่ทำให้บอลpassingของบาร์เยินและบาร์ซ่าเหนือกว่าทีมอื่นก็คือ "การเคลื่อนที่" ของผู้เล่นเวลาไม่มีบอล จะเห็นว่าผู้เล่นทั้งสองทีมนี้จะเคลื่อนที่ทุกคน ย้ำว่าทุกคน เพื่อดึงผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม ซึ่งจุดนี้มันจะทำให้เกิดเป็นช่อง อย่างที่ท่านว่าก็คือ ไม่จำเป็นต้องเล่นเร็วมาก แต่สามารถเจาะได้ ซึ่งการเคลื่อนที่แบบนี้นั้นต้องอาศัยเซนส์หรือความเข้าใจเกมส์ขั้นสูง เพราะไม่ใช่วิ่งมั่วๆ แต่เป็นการวิ่งเพื่อเปิดพื้นที่ให้3rd man player สอดแทรงขึ้นไป
   
บาร์ซ่ายุคที่เป๊ปคุม เด่นในเรื่องนี้มาก ทุกคนมีเทคนิคดี แต่ไม่มีใครเลี้ยงบอลหลายจังหวะ ยกเว้นเมสซี่ที่เป็นหัวใจของทีม อาศัยการเคลื่อนที่เป็นหลัก ซึ่งการทำแบบนี้ต้องอาศัยความเข้าใจในทีมซึ่งไม่ได้สร้างใน1-2ปี อาจจะเป็น7-8ปีเลยทีเดียว ทำให้รูปแบบการเล่นดูสวยงามมากจนทีมอื่นต้องเลียนแบบตามจนกลายเป็นกระแสTiki-Taka แต่ทำให้ใกล้เคียงได้ยาก

แต่จุดอ่อนของชุดนี้ก็เหมือนกับทีมที่เน้น passing ทีมอื่นๆ คือเมื่อเจอทีมที่เล่นแบบ Direct play อาศัยจังหวะที่ตัดบอลได้แล้วโจมตีเร็วจนได้ประตู เนื่องจากผู้เล่นทั้งทีมดันไปเล่นเกมรุกทั้งทีม ทำให้ลงไปแพ็คโซนรับไม่ทัน แม้จะแก้ด้วยการใช้Sweeper Goalkeeperคอยขึ้นมาตัดบอล แต่ Valdes ก็ยังมีข้อผิดพลาดให้เห็น
   
ส่วนบาร์เยิร์นนั้นในยุคเป๊ป รูปแบบการเล่นก็เป็นการเล่น passing เช่นกัน แต่สิ่งที่บาร์เยิร์นชุดนี้ทำได้ดีกว่าก็คือการเล่นแบบ Direct play ที่เฉียบคม รวมถึงสปีดบอลที่รวดเร็วมาก อีกทั้งคีย์แมนในเกมรุกคือผู้เล่นริมเส้นที่จะเป็นตัวทำเกมรุก ซึ่งต่างจากบาร์ซ่าที่คีย์แมนจะเป็นกองกลางตัวรุกอย่างอิเนียสต้าหรือเมสซี่ถอยต่ำลงมา แม้การเคลื่อนที่ของบาร์เยิร์นจะไม่อาจเทียบเคียงบาร์ซ่าได้ แต่สิ่งที่ทดแทนมาคือ เกมรุกที่รวดเร็วจัดจ้าน รวมถึงความคมของการใช้หน้าเป้าซึ่งบาร์ซ่าไม่มี ทั้งยังคงเอกลักษณ์ของการเล่นpassingไว้ และที่สำคัญที่สุด คีย์แมนในเกมรับของบาร์เยิร์นคือ Sweeper Goalkeeper อันดับหนึ่งของโลกอย่างนอยเออร์ ที่เปรียบเสมือนกองหลังตัวสุดท้ายและผู้รักษาประตูจอมหนึบในเวลาเดียวกัน
   
อาจจะเปรียบเทียบได้ว่าบาร์ซ่าและบาร์เยิร์นในยุคที่เป๊ปคุม เปรียบเสมือนศิษย์อาจารย์เดียวกัน แต่เลือกวิถีคนละเส้นทาง เป็นคล้ายหยินหยาง อยู่ที่ว่าใครจะชอบแนวไหน และเปรียบเทียบไม่ได้เพราะพีคคนละช่วงเวลา
   
เมื่อมองย้อนมาถึงทีมชาติไทยแล้ว เมื่อเราเลือกกำหนดสไตล์ตัวเองเป็นการเล่นบอลแบบpassingเป็นหลัก เราก็ควรนำจุดเรียนรู้จากสองทีมนี้ที่เป็นต้นตำรับบอลpassingในปัจจุบัน เอาแค่ที่ทำได้ตอนนี้คือ "ทำอย่างไรให้นักเตะมีความเข้าใจเกมส์และเข้าใจการเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกัน" รวมถึง "การปรับเปลี่ยนทัศนคตินักเตะและฝึกซ้อมแท็คติกในการเล่นDirect Play"
Read more ...